ประเภทการละครไทย

ละครดึกดำบรรพ์ เป็นละครรำที่ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยได้รับอิทธิพลและแนวคิดจาก โอเปร่า (Opera) ของตะวันตก

๑. ประวัติความเป็นมา

  • ผู้ริเริ่ม: เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕)

  • แนวคิด: ดัดแปลงมาจากโอเปร่าของยุโรป โดยนำมาผสมผสานกับละครรำแบบไทย เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่และทันสมัย

  • ที่มาของชื่อ: การแสดงครั้งแรกจัดขึ้นที่ โรงละครดึกดำบรรพ์ ของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ จึงนำชื่อโรงละครมาใช้เป็นชื่อประเภทละคร

๒. ลักษณะเด่นและวิธีการแสดง

ละครดึกดำบรรพ์มีจุดมุ่งหมายหลักคือการลดความยืดยาดของการรำแบบดั้งเดิม และเน้นความสมจริงมากขึ้น

องค์ประกอบ ลักษณะเด่นของละครดึกดำบรรพ์
ผู้แสดง ใช้ผู้หญิงล้วน โดยคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถพิเศษ ๒ ประการ คือ ๑. เสียงดี ร้องเพลงไพเราะ และ ๒. รำสวย (เน้นความสามารถในการร้องและการรำควบคู่กัน)
บทละคร บทละครมีความกระชับ ดำเนินเรื่อง รวดเร็ว ตัวละคร ร้องเองและรำเอง โดย ไม่มีคนบอกบทหรือคนร้องแทน
การเจรจา บทโต้ตอบ ทุ่มเถียง หรือวิวาท จะใช้การ เจรจาเป็นบทร้องหรือบทร้อยกรอง แทนการเจรจาแบบร้อยแก้ว
การรำ ใช้ท่ารำที่มีการปรับปรุงให้ กระชับ สอดคล้องกับคำร้องและเนื้อหา มากกว่าท่ารำแบบมาตรฐานของละครใน
ฉาก มีการจัด ฉากประกอบเรื่องให้ดูสมจริง และมีการเปลี่ยนฉากตามท้องเรื่อง เหมือนละครตะวันตก

๓. ดนตรีและเพลงร้อง

  • วงดนตรี: ใช้ วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ปรับปรุงขึ้นใหม่

  • ลักษณะวง: ยึดวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่เป็นหลัก แต่ ตัดเครื่องดนตรีที่มีเสียงสูง เล็ก แหลม (เช่น ฆ้องวงเล็ก ระนาดเอกเหล็กอ่อน) ออกไปเกือบหมด เพื่อให้เหลือเครื่องดนตรีที่มี เสียงทุ้ม นุ่มนวล เช่น ระนาดทุ้ม ฆ้องหุ่ย ๗ ลูก (๗ เสียง)

  • เพลงร้อง: มักนำ เพลงพื้นเมือง เพลงชาวบ้าน หรือเพลงสั้น ๆ มาใช้ในการแสดง เพื่อให้จังหวะกระชับและเข้ากับเนื้อเรื่อง

๔. การแต่งกาย

  • แต่งกายแบบยืนเครื่อง พระ-นาง (คล้ายละครใน)

  • บางเรื่องมีการ ดัดแปลงให้เหมาะสมและสมจริง มากขึ้น เพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันไป

๕. เรื่องที่นิยมแสดง

 

ละครดึกดำบรรพ์นิยมนำเรื่องราวจากวรรณคดีมาปรับปรุงบทให้กระชับและรวดเร็วขึ้น

  • อิเหนา (ตอนตัดดอกไม้ฉายกริช, ตอนลมหอบ)

  • สังข์ทอง

  • คาวี

  • ศกุนตลา (พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖)