ประเภทการละครไทย

๑. ความเป็นมาและประวัติ

ละครชาตรี เป็น ละครรำที่เก่าแก่ที่สุดของไทย มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีต้นกำเนิดจากการเล่น โนรา (หรือมโนราห์) ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงของภาคใต้

  • ชื่อเรียก: สันนิษฐานว่ามีที่มาจากคำว่า “ยาตรี” (Yatri) ในภาษาอินเดีย ที่แปลว่าการเดินทางท่องเที่ยว หรืออาจมาจากคำว่า “โนราชาตรี”

  • การแพร่หลายสู่ภาคกลาง: แพร่หลายเข้าสู่ภาคกลางในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะหลัง พ.ศ. ๒๓๗๕ (สมัย รัชกาลที่ ๓) เมื่อมีคณะโนราจากหัวเมืองภาคใต้อพยพเข้ามายังกรุงเทพฯ และปรับปรุงการแสดงให้เข้ากับรสนิยมของคนในภาคกลาง โดยนำศิลปะของ ละครนอก มาผสมผสาน

  • วัตถุประสงค์หลัก: ในปัจจุบันและอดีต นิยมใช้แสดงเพื่อ แก้บน ถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ศาลหลักเมือง ศาลพระพรหมเอราวัณ หรือตามวัดสำคัญ


 

๒. ลักษณะเด่นของละครชาตรี

 

ละครชาตรีมีลักษณะที่เรียบง่ายและเป็นแบบแผนดั้งเดิม ดังนี้

๒.๑ โรงละคร

  • รูปแบบ: เป็นโรงละครชั่วคราว มีเพียงหลังคาบังแดดบังฝน ใช้เสา ๔ ต้น ปักเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดประมาณ ๔x๔ เมตร

  • องค์ประกอบสำคัญ: มี ตั่ง (ที่นั่ง) วางอยู่ด้านหนึ่งสำหรับผู้แสดงนั่งพัก และที่สำคัญคือ เสากลาง (เสามหาชัย) ซึ่งถือเป็นเสาสำคัญที่ใช้ในพิธีบูชาครู

 

๒.๒ ผู้แสดงและตัวละคร

 

  • ยุคโบราณ: ใช้ผู้ชายแสดงล้วน มีตัวละครหลักเพียง ๓ ตัว คือ ตัวนายโรง (ตัวพระ/ตัวเอก) ตัวนาง และ ตัวตลก

  • ยุคปัจจุบัน: นิยมใช้ ผู้หญิงแสดงเป็นตัวเอก (ตัวพระและตัวนาง) ส่วน ตัวตลก และตัวเบ็ดเตล็ดใช้ผู้ชายแสดง

  • กลุ่มตัวละคร (แบบพัฒนา): แบ่งเป็น ๔ กลุ่ม คือ ตัวพระ ตัวนาง ตัวอิจฉา (หรือนางตะแหล่ง) และ ตัวตลก

๒.๓ การดำเนินเรื่อง

  • เรื่องที่นิยมแสดง: แต่เดิมนิยมแสดงเรื่อง มโนราห์ (พระสุธน-มโนราห์) และ พระรถเสน ต่อมานิยมแสดงเรื่องที่เป็นนิทานพื้นบ้านหรือเรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ

  • วิธีการแสดง:

    • ต้นบท จะเป็นคนตะโกนบอกบทเป็นท่อน ๆ

    • ผู้แสดงจะ ร้องรำ ไปตามบทกลอนที่บอก

    • เมื่อร้องกลอนจบ ปี่พาทย์ จะบรรเลงรับ

    • ผู้แสดงจะมีการ เจรจาร้อยแก้ว ทวนบทเป็นสำนวนภาษาถิ่น เพื่อให้คนดูเข้าใจและสร้างอารมณ์ขัน (เน้นมุขตลก)

๒.๔ การแต่งกาย

  • ตัวเอก (พระ/นาง): แต่งกายแบบ ยืนเครื่อง คล้ายละครนอก แต่เดิมจะเรียบง่ายกว่าและผู้ชายโบราณจะไม่สวมเสื้อ

  • ตัวตลก: แต่งกายแบบชาวบ้านธรรมดา

๓. องค์ประกอบดนตรีและพิธีกรรม

  • วงดนตรี: ใช้วง ปี่พาทย์ชาตรี ซึ่งเป็นวงดนตรีขนาดเล็ก ประกอบด้วย ปี่, ระนาดเอก, ตะโพน, โทนชาตรีคู่, กลองตุ๊ก, กรับไม้ไผ่, ฉิ่ง, ฉาบ

  • พิธีกรรม: การแสดงแก้บนแบบเต็มรูปแบบจะมีพิธีกรรมที่สำคัญ ๓ ส่วน คือ

    1. พิธีกรรม (เช้า): การทำโรง บูชาครู โหมโรง ร้องเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการ รำถวายมือ

    2. การแสดงละคร (บ่าย): แสดงละครตามเนื้อเรื่องที่ได้รับ

    3. พิธีลาโรง (เย็น): พิธีสุดท้ายก่อนจบการแสดง