๑. ความหมายและประวัติความเป็นมา
ละครนอก เป็นละครรำประเภทหนึ่งของไทยที่ มีกำเนิดมาก่อนละครใน และถือเป็นละครที่ พัฒนามาจากละครชาตรี
-
กำเนิด: มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เริ่มจากการละเล่นพื้นเมืองและร้องแก้กันนอกพระราชธานี (นอกวัง)
-
ชื่อเรียก: เดิมเรียกว่า “ละครธรรมดา” แต่เมื่อมีละครที่ใช้ผู้หญิงแสดงในวัง (ละครใน) จึงเรียกการแสดงที่เล่นนอกวังว่า “ละครนอก”
-
ผู้แสดง: แต่เดิมใช้ ผู้ชายแสดงล้วน ต่อมามีการเพิ่มตัวละครให้มากขึ้น และในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นไปเริ่มใช้ผู้แสดง ผสมชาย-หญิง หรือใช้ผู้หญิงแสดงเป็นส่วนใหญ่
๒. ลักษณะเด่นของละครนอก
ละครนอกมีลักษณะที่มุ่งเน้นความสนุกสนาน ไม่เคร่งครัดแบบแผนเท่าละครใน ดังนี้
๒.๑ การดำเนินเรื่องและบทบาท
-
ความรวดเร็ว: ดำเนินเรื่อง รวดเร็ว ฉับไว กระชับ ไม่ยืดยาด เพื่อให้ถูกใจผู้ชม
-
การร่ายรำ: ท่ารำไม่เน้นความประณีตอ่อนช้อยเท่าละครใน แต่เน้นความ คล่องแคล่ว
-
การเจรจา: ผู้แสดงจะ เจรจาเอง โดยใช้ปฏิภาณไหวพริบและโวหาร นอกบทละคร
-
เนื้อหา: มุ่งเน้น ความสนุกสนาน ตลกโปกฮา มักมีการสอดแทรกคำพูดและกิริยาที่ไม่สุภาพ หรือตลกสองแง่สองง่าม (คำตลาด)
-
ตัวละคร: มีครบทุกตัวตามเนื้อเรื่อง ไม่จำกัดจำนวน
๒.๒ เรื่องที่ใช้แสดง
-
ขอบเขต: แสดงได้ทุกเรื่องที่เป็นนิทานพื้นบ้านหรือเรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ยกเว้น ๓ เรื่องหลักที่สงวนไว้สำหรับละครใน คือ รามเกียรติ์, อิเหนา, และอุณรุท
-
เรื่องที่นิยมแสดง:
-
พระราชนิพนธ์ (รัชกาลที่ ๒): สังข์ทอง, ไชยเชษฐ์, คาวี, มณีพิชัย, ไกรทอง, สังข์ศิลป์ชัย
-
บทที่สามัญชนแต่ง: แก้วหน้าม้า, ลักษณะวงศ์, จันทโครพ
-
๒.๓ องค์ประกอบการแสดง
-
โรงละคร: เดิมเป็นรูปสี่เหลี่ยมดูได้ ๓ ด้าน มีม่านฉากผืนเดียว มีประตูเข้าออก ๒ ทาง หน้าฉากตั้ง เตียง กลางสำหรับตัวละครนั่ง
-
ดนตรีและเพลงร้อง: ใช้วง ปี่พาทย์เครื่องห้า หรือ ปี่พาทย์เครื่องคู่
-
จังหวะเพลง: ใช้เพลงชั้นเดียวหรือเพลงสองชั้น ที่มีจังหวะ กระชับ รวดเร็ว มักมีคำว่า “นอก” ต่อท้ายชื่อเพลง
-
-
การแต่งกาย:
-
ระยะแรก: แต่งกายอย่างคนธรรมดาสามัญ
-
ต่อมา: พัฒนามาแต่งกายแบบ ยืนเครื่อง (เหมือนละครใน) โดยเฉพาะตัวละครเอก เพื่อความงดงาม
-