เนื้อหาของคอร์ส
English M.2

Present Perfect Tense คือ tense ที่ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่มีจุดเริ่มต้นในอดีตและยังดำเนินมาจนถึงปัจจุบันและมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป หรือ เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแต่ไม่ระบุเวลาของการเกิดเหตุการณ์ เพราะถ้าระบุจะกลายเป็น past simple tense แทน

ประโยคบอกเล่า (Affirmative)

โครงสร้างประโยคบอกเล่าของ Present Perfect Tense 

Subject + has/have + V3

ตัวอย่างประโยค

  • have lost my key. (ฉันทำกุญแจหาย  ตอนนี้ยังหาไม่เจอ มีผลต่อปัจจุบัน)
  • Jane has visited Japan. (เธอเคยไปเที่ยวญี่ปุ่น  เคยไปมาแล้ว พูดถึงประสบการณ์)

ประโยคปฏิเสธ (Negative)

โครงสร้างประโยคปฏิเสธของ  Present Perfect Tense 

Subject + has/have + not + V3

ตัวอย่างประโยค

  • have not finished my homework yet. (ฉันยังทำการบ้านไม่เสร็จ)
  • She has not seen that movie. (เธอยังไม่เคยดูหนังเรื่องนั้น)

ประโยคคำถาม (Question)

โครงสร้างประโยคคำถามของ Present Perfect Tense

Has/Have + Subject + V3?

ตัวอย่างประโยค

  • Have you ever tried sushi? (คุณเคยลองซูชิไหม ?)
  • Has she finished the project? (เธอทำโปรเจกต์เสร็จหรือยัง ?)

*เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ รวมถึงสรรพนาม he, she, it จะต้องใช้ has + V3
ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ รวมถึงสรรพนาม I, you, we, they จะต้องใช้ have + V3

วิธีการใช้ Present Perfect Tense

เราสามารถใช้ Present perfect tense ในการเล่าเหตุการณ์ต่อไปนี้

1. เล่าเหตุการณ์ที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่อดีตและดำเนินต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน หรือผลลัพธ์ยังแสดงให้เห็นในปัจจุบัน โดยมีคำบอกเวลากำกับไว้ เช่น since, for, already, yet, just…

ตัวอย่าง I have studied English for 10 years.

2. เราสามารถใช้ tense นี้ในการบรรยายเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและไม่ระบุเวลา แค่เพื่อต้องการให้ทราบว่าเคยได้เกิดขึ้น โดยมีคำระบุไว้ชัดเจนเช่น ever, never, three times…

ตัวอย่าง Someone has broken a window.

3. เรายังสามรถใช้ tense นี้ในการเล่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆในอดีตหลายๆรอบ แต่ไม่ระบุเวลาอีกด้วย

ตัวอย่าง Jack has visited Myanmar for several times.

Tip

For + (ช่วงเวลา) มีความหมายว่า “เป็นเวลา” เพื่อบอกให้ทราบว่าทำเหตุการณ์นั้นนานแค่ไหน

for + five years = ห้าปี
six months = หกเดือน
four weeks= สี่สัปดาห์
8 hours = แปดชั่วโมง
5 minutes = 5 นาที
more than nine months = กว่าเก้าเดือน

Since + (จุดเริ่มต้นเวลา)  มีความหมายว่า “ตั้งแต่” เพื่อระบุจุดที่เหตุการณ์เริ่ม

since + last year = ปีที่แล้ว
last month = เดือนที่แล้ว
last week = สัปดาห์ที่แล้ว
last Monday = จันทร์ที่แล้ว (วันทั้ง 7 วัน)
last hour = ชั่วโมงที่แล้ว
1998 = ปี 1998 (ปี ค.ศ. ต่างๆ)
January = เดือนมกราคม (เดือนต่างๆ)
Summer = ฤดูร้อน (ฤดูต่างๆ)
last Christmas = คริสต์มาสที่ผ่านมา (วันสำคัญต่าง)
this morning = เมื่อเช้านี้

การใช้ ever, never, already, yet ใน Present perfect tense

ever และ never อธิบายหรือแสดงให้เห็นเวลาที่ไม่ได้ระบุไว้อย่างเจาะจง ก่อนหน้านี้ (Have you ever visited Berlin?)‘ Ever’ และ ‘never’ จะถูกวางไว้ ก่อนหน้ากริยาหลัก (กริยาช่อง 3) โดย Ever จะใช้ในคำถาม

ตัวอย่างเช่น

Have you ever been to England?
Has she ever met the Prime Minister?

ในประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ

ตัวอย่างเช่น

Haven’t they ever been to Europe?
Haven’t you ever eaten Chinese food?

Never

Never แปลว่า ไม่เคยจนถึงตอนนี้ 
I have never been to Italy.

Already

Already หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก่อนหน้านี้แต่ไม่ได้ระบุเวลาไว้อย่างชัดเจน บอกให้รู้ว่าไม่ต้องทำซ้ำอีก 

ตัวอย่างเช่น

I’ve already drunk three coffees this morning. (= แต่คุณกำลังจะเสนอให้ฉันดื่มกาแฟอีกแก้วหนึ่ง!)
Don’t write to John, I’ve already done it.

นอกจากนี้ already ยังสามารถนำมาใช้ในคำถามได้อีกด้วย

Have you already written to John?
Has she finished her homework already?

สามารถวาง Already ไว้หน้ากริยาหลัก (กริยาช่อง 3) หรือวางไว้ตรงท้ายสุดของประโยคก็ได้

I have already been to Tokyo.
I have been to Tokyo already.

Yet

Yet ถูกนำมาใช้ทั้งในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม หมายความว่า (ยังไม่) ในช่วงเวลาระหว่างก่อนหน้านี้และตอนนี้  และ (ยังไม่) จนถึงปัจจุบัน. โดยทั่วไปแล้ว  yet จะถูกวางไว้ตรงส่วนท้ายสุดของประโยค  

ตัวอย่างเช่น

Have you met Judy yet?
I haven’t visited the Tate Gallery yet
Has he arrived yet?
They haven’t eaten yet

 

 

 

 

 

ไฟล์ตัวอย่าง
Present perfect.pdf
ขนาด: 701.48 KB