เนื้อหาของคอร์ส
บทที่ 1 การเคลื่อนที่แนวตรง
เนื้อหาสาระสำคัญ แนวคิดพื้นฐานของการเคลื่อนที่ การเคลื่อนที่หมายถึงการเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุเมื่อเทียบกับจุดอ้างอิงในช่วงเวลาหนึ่ง การพิจารณาว่าวัตถุเคลื่อนที่หรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับการเลือก “จุดอ้างอิง” เสมอ ปริมาณทางฟิสิกส์ที่ใช้ในการอธิบายการเคลื่อนที่ในแนวตรง ตำแหน่ง (Position, s) คือ จุดที่วัตถุอยู่เมื่อเทียบกับจุดอ้างอิง ระยะทาง (Distance) คือ ความยาวทั้งหมดของเส้นทางการเคลื่อนที่ โดยไม่สนใจทิศทาง การกระจัด (Displacement) คือ การเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุ โดยคำนึงถึงทิศทาง ความเร็ว (Speed) และ อัตราเร็วเฉลี่ย (Average Speed) คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ต่อหน่วยเวลา ความเร็วเชิงเวกเตอร์ (Velocity) และ ความเร็วเฉลี่ย (Average Velocity) คือ การกระจัดต่อหน่วยเวลา ความเร่ง (Acceleration) คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของความเร็วต่อหน่วยเวลา ลักษณะของการเคลื่อนที่ในแนวตรง การเคลื่อนที่แบบความเร็วคงที่ (Uniform Motion) การเคลื่อนที่แบบเร่งคงที่ (Uniformly Accelerated Motion) เช่น การตกของวัตถุอย่างเสรี หรือการเคลื่อนที่ของรถที่เร่งความเร็วอย่างสม่ำเสมอ สมการการเคลื่อนที่ในแนวตรงภายใต้ความเร่งคงที่ 𝑣 = 𝑢 + 𝑎 𝑡 v=u+at 𝑠 = 𝑢 𝑡 + 1 2 𝑎 𝑡 2 s=ut+ 2 1 ​ at 2 𝑣 2 = 𝑢 2 + 2 𝑎 𝑠 v 2 =u 2 +2as โดยที่ 𝑢 u = ความเร็วต้น, 𝑣 v = ความเร็วปลาย, 𝑎 a = ความเร่ง, 𝑡 t = เวลา, 𝑠 s = การกระจัด การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในแนวตรงสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์การเดินทางของยานพาหนะ การคำนวณระยะเบรกของรถ การตกของสิ่งของ และการออกแบบระบบขนส่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สรุป การศึกษาการเคลื่อนที่ในแนวตรงเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ฟิสิกส์แขนงกลศาสตร์ เพราะช่วยให้เราเข้าใจพื้นฐานของการเคลื่อนที่ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การศึกษาการเคลื่อนที่ในแนวโค้ง การหมุน และการเคลื่อนที่แบบซับซ้อนในมิติอื่น ๆ ต่อไป
0/5
วิทยาศาสตร์กายภาพ2

บทนำ

ฟิสิกส์เป็นศาสตร์ที่ศึกษาธรรมชาติของสรรพสิ่งรอบตัว ตั้งแต่สิ่งเล็กที่สุดอย่างอะตอมและอนุภาคย่อย ไปจนถึงสิ่งใหญ่ที่สุดอย่างดาวฤกษ์และเอกภพทั้งหมด ฟิสิกส์มุ่งอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติด้วย การสังเกต การทดลอง การเก็บข้อมูล และการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เพื่อค้นหากฎเกณฑ์ที่ควบคุมการทำงานของจักรวาล

ความรู้ทางฟิสิกส์ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อเข้าใจโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญของเทคโนโลยี วิศวกรรม และนวัตกรรมที่พัฒนาโลกยุคปัจจุบัน เช่น พลังงานไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม เครื่องมือแพทย์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ ล้วนเกิดขึ้นบนพื้นฐานของหลักฟิสิกส์ทั้งสิ้น


🔹 สาระสำคัญ

  1. ฟิสิกส์คืออะไร
    ฟิสิกส์ (Physics) มาจากคำภาษากรีกว่า physis แปลว่า “ธรรมชาติ”
    ดังนั้น ฟิสิกส์จึงหมายถึง “วิทยาศาสตร์ว่าด้วยธรรมชาติ” ซึ่งศึกษาพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของสสาร พลังงาน แรง และการเคลื่อนที่

  2. เป้าหมายของฟิสิกส์

    • เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างมีเหตุผล

    • เพื่อทำนายผลที่จะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ

    • เพื่อประยุกต์ใช้ความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม

  3. ลักษณะของความรู้ทางฟิสิกส์
    ความรู้ทางฟิสิกส์เกิดจากการศึกษาที่เป็นระบบและตรวจสอบได้ โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้

    • อาศัยการ สังเกตและการทดลอง

    • มีการ ตั้งสมมติฐานและทดสอบผลลัพธ์

    • ใช้ คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการอธิบายและทำนาย

    • สามารถ ตรวจสอบซ้ำได้และเป็นสากล

  4. ขอบเขตของฟิสิกส์
    ฟิสิกส์มีขอบเขตกว้างขวาง ครอบคลุมทุกปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ตัวอย่างสาขาย่อย เช่น

    • กลศาสตร์ (Mechanics) : การเคลื่อนที่ของวัตถุและแรง

    • อุณหพลศาสตร์ (Thermodynamics) : พลังงาน ความร้อน และอุณหภูมิ

    • คลื่นและเสียง (Waves and Sound)

    • แสงและทัศนศาสตร์ (Optics)

    • ไฟฟ้าและแม่เหล็ก (Electricity and Magnetism)

    • ฟิสิกส์สมัยใหม่ (Modern Physics) เช่น อะตอม นิวเคลียร์ ควอนตัม และสัมพัทธภาพ

  5. ความสัมพันธ์ระหว่างฟิสิกส์กับศาสตร์อื่น ๆ

    • เคมี → อธิบายโครงสร้างอะตอมและปฏิกิริยาเคมี

    • ชีววิทยา → ฟิสิกส์ชีวภาพ เช่น การมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต

    • ดาราศาสตร์ → การศึกษาแรงโน้มถ่วง การเคลื่อนที่ของดาว

    • วิศวกรรมศาสตร์ → ใช้หลักฟิสิกส์ในการออกแบบและสร้างเครื่องจักรหรือสิ่งก่อสร้าง

  6. แนวทางการหาความรู้ทางฟิสิกส์
    ฟิสิกส์อาศัย “กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method)” ได้แก่

    1. สังเกตปรากฏการณ์

    2. ตั้งคำถามและสมมติฐาน

    3. ออกแบบและทำการทดลอง

    4. วิเคราะห์ผลและสรุป

    5. นำผลไปสร้างกฎหรือทฤษฎี


🔹 ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน

  • การเคลื่อนที่ของลูกบอล → หลักกลศาสตร์

  • การต้มน้ำให้ร้อน → หลักอุณหพลศาสตร์

  • การเกิดรุ้งกินน้ำ → การหักเหของแสง

  • การสื่อสารไร้สาย → คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

  • เครื่องเอกซเรย์ → ฟิสิกส์นิวเคลียร์


🔹 สรุปท้ายบท

  • ฟิสิกส์เป็นศาสตร์ที่ศึกษาธรรมชาติของสสาร พลังงาน และแรง

  • ความรู้ทางฟิสิกส์เกิดจากการสังเกต ทดลอง และวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ

  • ฟิสิกส์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และคุณภาพชีวิตของมนุษย์

  • การเข้าใจธรรมชาติของฟิสิกส์ช่วยให้เรามองโลกอย่างมีเหตุผล และสามารถใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ