เนื้อหาของคอร์ส
หน่วยที่ 1 สมดุลกล
หลักการของกลศาสตร์ในเรื่องสมดุลกลและเงื่อนไขที่ทำให้วัตถุหรือระบบอยู่ในสมดุลกล ศูนย์กลางมวลของวัตถุ และผลของศูนย์ถ่วงที่มีต่อเสถียรภาพของวัตถุ
0/9
หน่วยที่ 2 งานและพลังงาน
1. วิเคราะห์ และคำนวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพื้นที่ใต้กราฟ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับตำแหน่ง และคำนวณกำลังเฉี่ย 2. อธิบาย และคำนวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์งานและพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานและพลังงานศักย์โน้มถ่วง และความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก และความสัมพันธ์งานและพลังงานศักย์ยืดหยุ่น 3. รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ และคำนวณงานที่เกิดขึ้นจากแรงลัพธ์ 4. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทั้งวิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของวัตถุในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานกล 5. อธิบาย การทำงาน ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่ายบางชนิด โดยใช้ความรู้เรื่องงานและสมดุลกล รวมทั้งคำนวณประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกล
0/14
หน่วยที่ 3 โมเมนตัมและการชน
1. อธิบาย และคำนวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงลัพธ์กับเวลา รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม 2. ทดลอง อธิบาย และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชนกันของวัตถุในหนึ่งมิติทั้งแบบยืดหยุ่น ไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกออกจากกันในหนึ่งมิติซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม
หน่วยที่ 4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
1. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์และทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ 2. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็งเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคลื่อนที่แบบวงกลลมในระนาบระดับ รวมทั้งคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม
ความถนัดทางฟิสิกส์ 2

สมดุลกลแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้


1. สมดุลต่อการเคลื่อนที่ (Translation Equilibrium)
 หมายถึงสภาวะที่วัตถุอยู่นิ่งหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ เงื่อนไขคือ ผลรวมของแรงทั้งหมดที่กระทำต่อวัตถุต้องมีค่าเท่ากับศูนย์

สูตรคำนวณ : ΣF = 0

2. สมดุลต่อการหมุน (Rotational Equilibrium) หมายถึงสภาวะที่วัตถุมีอัตราการหมุนคงที่ เงื่อนไขคือ ผลรวมของโมเมนต์ทั้งหมดที่กระทำต่อวัตถุต้องมีค่าเท่ากับศูนย์ โดยโมเมนต์ของแรง (M) คำนวณจาก M = F × L (แรงคูณกับระยะทางจากจุดหมุนไปตั้งฉากกับแนวแรง)

สูตรคำนวณ : ΣM = 0
หรือผลรวมของโมเมนต์ตามเข็มนาฬิกา = ผลรวมของโมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกา
ΣMตาม = ΣMทวน

3. สมดุลสัมบูรณ์ (Absolute Equilibrium) หมายถึงสภาวะที่วัตถุอยู่นิ่งและไม่หมุน โดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไขทั้งสองข้อคือ ผลรวมแรงภายนอกเป็นศูนย์ (ΣF = 0) และผลรวมโมเมนต์ภายนอกเป็นศูนย์ (ΣM = 0)

 

สมดุลต่อการเคลื่อนที่ (ΣF=0)

สมดุลต่อการเคลื่อนที่ สามารถแบ่งกรณีได้ดังนี้


1. กรณีมีแรง 2 แรงกระทำ :
 แรงทั้งสองต้องมีขนาดเท่ากัน ทิศทางตรงกันข้าม และอยู่บนแนวเส้นตรงเดียวกันผ่านศูนย์กลางมวลของวัตถุ
2. กรณีมีแรง 3 แรงกระทำ  

  • หากแนวแรงทั้ง 3 อยู่ในแนวเดียวกัน ผลรวมของขนาดแรงที่มีทิศตรงกันข้ามต้องมีค่าเท่ากัน
  • หากแนวแรงอยู่ในระนาบเดียวกันแต่ไม่ขนาน สภาพสมดุลจะเกิดขึ้นเมื่อ
    • แรงทั้ง 3 อยู่บนระนาบเดียวกัน
    • แนวแรงทั้ง 3 ต้องตัดกันที่จุดเดียวกัน
    • ผลรวมของแรงทั้ง 3 เป็นศูนย์
    • ผลรวมของโมเมนต์ของแรงทั้ง 3 เป็นศูนย์

3. กรณีมีมากกว่า 3 แรงกระทำ : ถ้านำเวกเตอร์แทนแรงเหล่านั้นมารวมกันด้วยวิธีต่อหัวเข้าหางตามลำดับ จะได้เป็นรูปหลายเหลี่ยมปิด ซึ่งหมายความว่าผลรวมของแรงทั้งหมดเป็นศูนย์

สรุปคือ เพื่อให้วัตถุมีสมดุลต่อการเคลื่อนที่ ผลรวมของแรงภายนอกทุกแรงที่กระทำต่อวัตถุต้องหักล้างกันจนเหลือเป็นศูนย์ และกรณีที่มีมากกว่า 2 แรง โมเมนต์รวมต้องเป็นศูนย์ด้วย

ขั้นตอนการแก้โจทย์สมดุลกล เรื่องสมดุลต่อการเคลื่อนที่

1. วาดรูปสถานการณ์และแสดงแรงทั้งหมดที่กระทำต่อวัตถุ
2. แตกแรงแต่ละแรงออกเป็นองค์ประกอบในแนวแกนอ้างอิง ซึ่งอาจเป็นแกน x และ y หากเป็นระนาบ หรือเป็นแกนตามลักษณะของวัตถุหากเป็นกรณีอื่น

  • แกน x หมายถึงองค์ประกอบแรงในแนวซ้าย-ขวา
  • แกน y หมายถึงองค์ประกอบแรงในแนวขึ้น-ลง

3. รวมองค์ประกอบแรงในแต่ละแกนอ้างอิง โดยการรวมแรงในแนวเดียวกันให้ใช้ผลบวก แต่ถ้าแรงมีทิศตรงกันข้ามให้ใช้ผลลบ เงื่อนไขสมดุลคือผลรวมในแต่ละแกนต้องมีค่าเป็นศูนย์ ΣFx = 0 ΣFy = 0
4. คำนวณหาปริมาณที่โจทย์ถามโดยใช้เงื่อนไขที่ว่า ΣF = 0

สรุปคือ ต้องวิเคราะห์แรงทั้งหมดแยกเป็นองค์ประกอบในแนวแกนอ้างอิง จากนั้นรวมแรงในแต่ละแนวให้ได้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ แล้วจึงคำนวณหาสิ่งที่โจทย์ต้องการต่อไป