ประวัติกระบี่กระบอง

คอร์สที่สนใจ แชร์
แชร์คอร์ส
ลิงก์หน้า
แชร์บนโซเชียล

เกี่ยวกับคอร์ส

คำอธิบายรายวิชา

 กระบี่กระบอง เป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยที่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ บางคนอาจจะเคยเรียนมาแล้วในวิชาพลศึกษา แต่หลายคนอาจจะไม่รู้จักกีฬาชนิดนี้ วันนี้เรามีประวัติความเป็นมา การแข่งขัน รวมถึงกติกาและวิธีการเล่นกระบี่กระบอง

เนื้อหาของคอร์ส

1 ประวัติกระบี่กระบอง
ประวัติกระบี่กระบอง (อดีตจนถึงปัจจุบัน) 🌾 ยุคโบราณ ศิลปะการต่อสู้ด้วย กระบี่และกระบอง มีมาตั้งแต่สมัยโบราณของไทย สืบเนื่องจากการที่บรรพบุรุษต้องต่อสู้ป้องกันบ้านเมืองจากข้าศึก และฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงในการรบ “กระบี่” หมายถึง อาวุธมีคม ใช้ฟันหรือแทง เช่น ดาบ “กระบอง” หมายถึง อาวุธทื่อ ทำจากไม้ ใช้ตีหรือปัดป้อง ในอดีต การฝึกกระบี่กระบองมักใช้ในกองทัพ เพื่อให้ทหารมีทักษะในการต่อสู้ประชิดตัว และสร้างความคล่องแคล่ว ทั้งยังถือเป็นวิชา “มวยไทยอาวุธ” ที่สืบทอดกันในหมู่ครูมวยและนักรบไทย ⚔️ สมัยอยุธยา – รัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสมัยกรุงศรีอยุธยา การฝึกกระบี่กระบองเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกทหาร มีการเรียนรู้การใช้อาวุธต่าง ๆ เช่น ดาบคู่ ดาบเดี่ยว กระบอง พลอง ทวน และโล่ ภายหลังเมื่อสงครามลดลง วิชานี้ค่อย ๆ เปลี่ยนจากการใช้จริงในสนามรบมาเป็น การแสดงศิลปะการต่อสู้เชิงกีฬาและวัฒนธรรม เช่น การรำกระบี่กระบองประกอบดนตรีไทย การแสดงในงานราชพิธีหรือการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง 🎭 ยุครัชกาลที่ 5 – 8 ในสมัยรัชกาลที่ 5 กระบี่กระบองเริ่มถูกบันทึกและถ่ายทอดในลักษณะ “ศิลปะป้องกันตัว” ที่ผสมผสานความงามทางนาฏศิลป์ มีการจัดเป็น “รำกระบี่กระบอง” โดยมีท่ารำพื้นฐาน เช่น ไม้รำที่ 1 (ลอยชาย, ควงทัดหู) ไม้รำที่ 2 ไม้รำที่ 3 เป็นต้น รัชกาลที่ 6 – 8 รัฐบาลได้นำการรำกระบี่กระบองเข้าสู่การเรียนการสอนในโรงเรียน เพื่อส่งเสริมพลศึกษาและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย 🏫 ยุคปัจจุบัน ในปัจจุบัน “รำกระบี่กระบอง” ถือเป็น ศิลปะมวยไทยอาวุธ ที่ใช้เพื่อ อนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้ของไทย ส่งเสริมสุขภาพและพลศึกษา สร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีการสอนในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถาบันนาฏศิลป์ทั่วประเทศ รวมถึงแสดงในงานวัฒนธรรมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่ศิลปะไทยให้ชาวโลกได้รู้จัก

  • แบบทดสอบประวัติกระบี่กระบอง

2. การถวายบังคม
💠 ความหมายของการถวายบังคม การถวายบังคม หมายถึง การแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ พระพุทธรูป หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามประเพณีไทย เป็นการแสดง “ความอ่อนน้อม ถ่อมตน และจงรักภักดี” ซึ่งใช้ทั้งในราชพิธี การแสดงนาฏศิลป์ และกิจกรรมทางศาสนา–วัฒนธรรม 💠 ลักษณะของการถวายบังคม มีทั้งแบบ ชาย และ หญิง โดยมีลักษณะต่างกันเล็กน้อย แต่จุดสำคัญคือ “ตั้งกายตรง มือพนม และก้มศีรษะลงอย่างสง่างาม” 💠 ขั้นตอนการถวายบังคม (แบบถูกต้องและครบถ้วน) 🔹 สำหรับ ชาย ยืนตรง เท้าชิด ปลายเท้าชี้ตรง มือทั้งสองข้างประสานอยู่ข้างลำตัว ยกมือพนม ที่ระดับอก ปลายนิ้วชี้ตรงไปข้างหน้า ยกมือขึ้นระดับหน้าผาก โดยให้ปลายนิ้วกลางจรดระหว่างคิ้ว (สัญลักษณ์ของการถวายบังคม) ก้มศีรษะเล็กน้อย ขณะพนมมืออยู่ที่หน้าผาก ลดมือลงระดับอก แล้วกลับสู่ท่ายืนตรงตามเดิม 🔸 หากทำแบบ “สามครั้ง” (เช่น ในพิธีการสำคัญ) ให้ทำซ้ำขั้นตอนนี้ 3 รอบ โดยทำอย่างช้า สุภาพ และสง่างาม 🔹 สำหรับ หญิง ยืนตรง เท้าชิด ปลายนิ้วเท้าทั้งสองหันออกเล็กน้อย ยกมือพนมที่ระดับอก ปลายนิ้วชี้ขึ้นตรง ยกมือพนมขึ้นระดับหน้าผาก เช่นเดียวกับฝ่ายชาย ก้มศีรษะเล็กน้อย ให้แผ่วนุ่ม ไม่กระตุก ลดมือลงระดับอก แล้วกลับสู่ท่าปกติอย่างสง่างาม 💠 ข้อควรปฏิบัติและมารยาทในการถวายบังคม ต้อง แต่งกายเรียบร้อย และอยู่ในอิริยาบถสงบ ควร ถอดหมวก แว่นตา หรือสิ่งปิดหน้า (หากมี) ห้ามพูด หัวเราะ หรือแสดงอาการรบกวนในขณะถวายบังคม ควรถวายบังคมด้วยความ เคารพจริงใจ ไม่ล้อเลียนหรือแสดงท่าทางผิดแบบ 💠 ความสำคัญของการถวายบังคม เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการฝึกความมีระเบียบ วินัย และมารยาทอันงดงามแบบไทย เป็นสัญลักษณ์ของ “ศิลปะการแสดงออกทางกายที่สุภาพสูงสุด” เป็นพื้นฐานของท่าทางในศิลปะไทย เช่น นาฏศิลป์ การฟ้อนรำ และพิธีกรรมต่าง ๆ

3 การขึ้นพรหม
การขึ้นพรหม ประกอบด้วย การขึ้นพรหมนั่ง และการขึ้นพรหมยืน 2.1 การขึ้นพรหมนั่ง ได้แก่ การนั่งร่ายรำแต่ละทิศจนครบ 4 ทิศ แล้วจึงกลับหลังหันลุกขึ้นยืน 2.2 การขึ้นพรหมยืน เป็นการยืนรำแต่ละทิศจนครบทั้ง 4 ทิศ และจบลงด้วยการเตรียมพร้อมจะปฏิบัติในขั้นตอนต่อไป การขึ้นพรหมนี้ ถ้าฝ่ายหนึ่งขึ้นพรหมนั่ง อีกฝ่ายจะขึ้นพรหมยืน นอกจากเป็นการสร้างกำลังใจและคุ้มครองในการต่อสู้แล้ว การขึ้นพรหมนี้ อาจารย์นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้บันทึกไว้ว่า เป็นการสอนให้ผู้เรียนระลึกถึงธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคม ได้แก่ พรหมวิหารสี่

4 การขึ้นไม้รำ 12 ไม้รำ
รายวิชาการสอนไม้รำ 12 ไม้รำ มุ่งเน้นการศึกษาและฝึกฝนทักษะพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของไทย (กระบี่กระบอง) ผ่านท่ารำทั้ง 12 ท่า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเคลื่อนไหวที่สง่างามและแฝงไว้ด้วยกลยุทธ์การต่อสู้ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ท่าไหว้ครู การขึ้นพรหม ไปจนถึงการฝึกปฏิบัติท่าไม้รำหลักทั้ง 12 ไม้รำ อาทิ ลอยชาย ควงทัดหู หนุมานแหวกฟองน้ำ และเชิญเทียน โดยเน้นความถูกต้องของท่วงท่า การเคลื่อนไหว การใช้ลำตัวและอาวุธให้สัมพันธ์กัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในความหมายและวัตถุประสงค์ของแต่ละท่ารำ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ตลอดจนสืบสานและอนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยให้คงอยู่สืบไป

การจัดอันดับและรีวิวของผู้เรียน

ยังไม่มีรีวิว
ยังไม่มีรีวิว