ฟัง ดู เล่าเรื่อง ประเทืองปัญญา (บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา)

หมวดหมู่: ภาษาไทย
คอร์สที่สนใจ แชร์
แชร์คอร์ส
ลิงก์หน้า
แชร์บนโซเชียล

เกี่ยวกับคอร์ส

มัทนะพาธา ตำนานแห่งดอกกุหลาบ

บทพระราขฃชนิพนธ์ในพระบามสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6

 

เนื้อหาของคอร์ส

ประวัติผู้แต่ง และประวัติความเป็นมาของเรื่องมัทนะพาธา
บทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา เป็นวรรณคดีชิ้นเอกที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถด้านอักษรศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) อย่างชัดเจนที่สุด โดยมีทั้งประวัติผู้แต่งและความเป็นมาของเรื่องที่น่าสนใจ ดังนี้ค่ะ ๑. ประวัติผู้พระราชนิพนธ์ (ผู้แต่ง) ผู้พระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธา คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ผู้ทรงเป็น "พระมหาธีรราชเจ้า" หรือกษัตริย์ผู้เป็นปราชญ์และกวีเอกของชาติ พระนามปากกา: ทรงใช้พระนามปากกาหลายนามในการสร้างสรรค์งานวรรณกรรม แต่บทละครพูดคำฉันท์เรื่องนี้ทรงพระราชนิพนธ์ในพระนามของพระองค์เอง ความสามารถด้านวรรณกรรม: ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านอักษรศาสตร์อย่างยิ่ง ทรงสร้างสรรค์ผลงานทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองไว้กว่า 200 เรื่อง และทรงเป็นผู้ริเริ่มการใช้บทละครพูดและการแปลวรรณกรรมสำคัญของโลก (เช่น เชกสเปียร์) มาสู่ภาษาไทย คุณค่าที่ได้รับยกย่อง: บทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธา ได้รับการยกย่องจาก วรรณคดีสโมสร ในสมัยนั้นว่าเป็น ยอดของบทละครพูดคำฉันท์ เนื่องจากทรงใช้ "ฉันท์" ซึ่งเป็นคำประพันธ์ที่แต่งได้ยากในการดำเนินเรื่องราวแบบบทละครพูด ซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ในกระบวนวรรณคดีไทย ๒. ความเป็นมาของเรื่องมัทนะพาธา มัทนะพาธา (Matthanapatha) ถูกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2466 (ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 เดือน 17 วัน) โดยมีที่มาที่สำคัญดังนี้: ก. พระราชประสงค์หลัก ทรงมีพระราชประสงค์ในชั้นแรกคือการสร้าง "ตำนานแห่งดอกกุหลาบ" เพื่ออธิบายกำเนิดของดอกกุหลาบ (Rose) ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ไม่มีในวรรณคดีไทยโบราณ แต่เป็นที่นิยมในต่างประเทศ โดยทรงผูกเรื่องขึ้นใหม่ทั้งหมด มิได้อิงเนื้อหาจากตำนานอินเดียโดยตรง ข. ที่มาของชื่อตัวละครและเรื่อง ชื่อเรื่อง "มัทนะพาธา": มาจากคำสันสกฤต ๒ คำ คือ มัทนะ (ม-ทะ-นะ): แปลว่า ความรัก หรือ กามเทพ (ความลุ่มหลง) พาธา: แปลว่า ความทุกข์ ความเดือดร้อน หรือ ความเบียดเบียน ดังนั้น มัทนะพาธา จึงมีความหมายว่า "ความเจ็บปวดหรือความเดือดร้อนเพราะความรัก" อันเป็นแก่นของเรื่อง ชื่อตัวละคร "มัทนา": ทรงเลือกชื่อนี้เพื่อให้สอดคล้องกับความหมายของความรัก เนื่องจากคำสันสกฤตที่แปลว่า "ดอกกุหลาบ" โดยตรงคือ กุพชกะ (ซึ่งทรงเห็นว่าไม่เหมาะสมกับนางเอก) จึงทรงตั้งชื่อตัวละครตามความรัก (มัทนะ) แทน ค. ลักษณะและกลวิธีการแต่ง ประเภทคำประพันธ์: เน้นการใช้ คำฉันท์ เป็นหลักในการขับเคลื่อนอารมณ์และบทพูดของตัวละครสำคัญ (ตามชื่อ "บทละครพูดคำฉันท์") โดยมีการใช้ฉันท์หลากหลายชนิดอย่างเหมาะสมกับเนื้อความ (เช่น อินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์) การดำเนินเรื่อง: เป็นบทละครที่มี 5 องก์ มีทั้งบทที่เป็นฉันท์ (บรรยายอารมณ์และบทเจรจาหลัก) กาพย์ และมี ร้อยแก้ว แทรกในส่วนของบทเจรจาที่ไม่สำคัญ เพื่อให้ดำเนินเรื่องได้รวดเร็วตามแบบบทละครพูด (Drama) ที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก มัทนะพาธาจึงเป็นวรรณคดีที่ผสมผสานทั้งศิลปะการประพันธ์แบบไทย (ฉันท์) และรูปแบบการนำเสนอแบบตะวันตก (บทละครพูด) ได้อย่างลงตัวและงดงามที่สุดเรื่องหนึ่งของชาติ

  • ความรู้ทั่วไป เรื่องมะทนะพาธา
    08:37
  • แบบทดสอบ ประวัติและความเป็นมา เรื่อง มัทนะพาธา

การวิเคราะห์คุณค่าของเนื้อเรื่อง
มัทนะพาธา (Matthanapatha) เป็นวรรณคดีชิ้นเอกของไทยที่ได้รับยกย่องอย่างสูง ซึ่งการอ่านวิเคราะห์จะช่วยให้เข้าใจถึงแก่นเรื่องและคุณค่าทางวรรณศิลป์ที่ซ่อนอยู่ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การอ่านวิเคราะห์เนื้อเรื่อง มัทนะพาธา 1. ที่มาและประเภทของวรรณคดี ประเด็น รายละเอียด ผู้พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ประเภท บทละครพูดคำฉันท์ (ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นยอดของบทละครพูด) ความหมายชื่อเรื่อง ความทุกข์หรือความเดือดร้อนอันเกิดจากความรัก ('มัทนะ' = ความรัก/กามเทพ, 'พาธา' = ความทุกข์/ความเดือดร้อน) แรงบันดาลใจ ทรงได้แนวคิดจากตำนานและวรรณคดีของอินเดีย โดยทรงผูกเรื่องขึ้นใหม่ทั้งหมด 2. การวิเคราะห์ตัวละครและบทบาท ตัวละคร บทบาทสำคัญ จุดวิเคราะห์เชิงสัญลักษณ์ สุเทษณ์ เทพบุตรผู้หลงรักนางมัทนาอย่างแรงกล้า เมื่อถูกปฏิเสธก็พิโรธและสาปนางด้วยอำนาจเทพ อำนาจและความริษยา: เป็นตัวแทนของความรักที่เห็นแก่ตัว ใช้อำนาจเข้าครอบครอง และนำไปสู่ความหายนะ มัทนา เทพธิดาผู้มีความรักที่บริสุทธิ์และมั่นคงต่อท้าวชัยเสน ปฏิเสธรักของสุเทษณ์จนถูกสาปให้เป็นดอกกุหลาบ ความรักที่บริสุทธิ์: เป็นตัวแทนของความรักแท้ที่เลือกได้ แม้ต้องเผชิญความทุกข์ก็ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจ (โศกนาฏกรรมที่เกิดจากความรัก) ท้าวชัยเสน กษัตริย์ผู้รักมัทนา แต่หูเบาและขาดสติ เชื่อคำยุยงของพระนางจัณฑีและพราหมณ์กุพตะ ความหลงและสติที่ไม่มั่นคง: เป็นตัวแทนของมนุษย์ที่มีความรักแต่ไม่มั่นคงในสติปัญญา ถูกอารมณ์ริษยาของผู้อื่นชักนำ พระนางจัณฑี มเหสีของท้าวชัยเสนผู้เต็มไปด้วยความริษยา วางแผนใส่ร้ายมัทนา ความริษยา: เป็นชนวนเหตุสำคัญที่เร่งให้เกิดโศกนาฏกรรมบนโลกมนุษย์ 3. การวิเคราะห์โครงเรื่องและปมขัดแย้ง โครงเรื่องของมัทนะพาธาถูกขับเคลื่อนด้วย ปมขัดแย้งด้านความรักที่ไม่สมหวัง และ ความริษยา ที่เกิดขึ้นในสองภพ: ปมขัดแย้งบนสวรรค์: สาเหตุ: สุเทษณ์รักมัทนา แต่มัทนารักแต่เพียงมิตรภาพ ไม่ใช่ความรักแบบชู้สาว ผลลัพธ์: สุเทษณ์สาปมัทนาให้ลงไปเป็น ดอกกุหลาบ บนโลกมนุษย์ และจะกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ได้เมื่อมีผู้กล่าวรักในวันเพ็ญ ปมขัดแย้งบนโลกมนุษย์: สาเหตุ: มัทนา (ในร่างมนุษย์) ได้ครองรักกับท้าวชัยเสน สร้างความริษยาให้แก่พระนางจัณฑี ผลลัพธ์: พระนางจัณฑีใช้กลอุบายใส่ร้ายมัทนา ทำให้ท้าวชัยเสนเข้าใจผิดและสั่งประหาร (ภายหลังเปลี่ยนเป็นปล่อยเข้าป่า) มัทนาได้รับความทุกข์แสนสาหัส และเมื่อกลับเป็นดอกกุหลาบ นางปฏิเสธคำรักของสุเทษณ์เป็นครั้งสุดท้าย ส่งผลให้นางถูกสาปให้เป็นดอกกุหลาบ อย่างถาวร 4. แก่นเรื่องและคุณค่าทางวรรณศิลป์ ประเด็น รายละเอียด แก่นเรื่อง ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก (มัทนะพาธา) แสดงให้เห็นว่าความรักหากไม่ถูกควบคุมด้วยสติหรือถูกครอบงำด้วยความริษยา ย่อมนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมและความสูญเสีย ข้อคิด/คติเตือนใจ เตือนให้มนุษย์ใช้ สติ ในการครองรัก และระวัง อำนาจของอารมณ์ริษยา ที่สามารถทำลายความสัมพันธ์ได้ คุณค่าทางวรรณศิลป์ มีการเลือกใช้ ฉันท์ ที่หลากหลายชนิดได้อย่างสละสลวยและเหมาะสมกับอารมณ์ของตัวละครในแต่ละฉาก เช่น การใช้ อินทรวิเชียรฉันท์ และ วสันตดิลกฉันท์ ที่มีความไพเราะและกระตุ้นอารมณ์เศร้าโศกได้อย่างลึกซึ้ง สัญลักษณ์ ดอกกุหลาบ ในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความรักที่สวยงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ ความทุกข์ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงามนั้น (ความเจ็บปวดจากความรักที่ไม่สมหวัง) ส่งออกไปยังชีต "โอ้รัก...และรักมักเป็นเช่นนี้! เป็นเครื่องร้อนใจมิใช่หรือ?" บทประพันธ์นี้สรุปแก่นเรื่องมัทนะพาธาได้อย่างชัดเจนที่สุด

ความรู้เรื่องบทร้อยกรองประเภทฉันท์และการแต่งบทร้อยกรองอินทรวิเชียรฉันท์11

การจัดอันดับและรีวิวของผู้เรียน

ยังไม่มีรีวิว
ยังไม่มีรีวิว