4.99
(89 จัดอันดับ)

ยุคสมัยดนตรีสากล

หมวดหมู่: ศิลปะ
คอร์สที่สนใจ แชร์
แชร์คอร์ส
ลิงก์หน้า
แชร์บนโซเชียล

เกี่ยวกับคอร์ส

หน่วยที่ 1  เรื่องยุคสมัยของดนตรี   นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดนตรีสากลและดนตรีไทย  สำหรับหัวข้อนี้จะเป็นการศึกษาเรื่องยุคสมัยของดนตรีสากล 6 ยุค คือ  ยุคกลาง  ยุคบาโรก  ยุคเรเนซองส์  ยุคคลาสสิก  ยุคโรแมนติก และยุคศตวรรษที่ 21

เนื้อหาของคอร์ส

ยุคบาโรก(Baroque Period: ค.ศ. 1600–1750)
สรุปรายละเอียดดนตรีในยุคบาโรก (Baroque Period: ค.ศ. 1600–1750) คำว่า "บาโรก" เดิมมาจากภาษาโปรตุเกส Barroco หมายถึง "ไข่มุกที่มีรูปร่างเบี้ยว" ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะของศิลปะในยุคนี้ที่เน้นความโอ่อ่า ซับซ้อน และเต็มไปด้วยการประดับประดา 1. ลักษณะเด่นทางดนตรี พื้นผิวแบบผสมผสาน (Texture): มีการใช้ทั้ง โพลีโฟนี (Polyphony - หลายแนวทำนองสอดประสานกัน) ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานของบาค และมีการใช้ โฮโมโฟนี (Homophony - แนวทำนองเด่นหนึ่งแนวที่มีเสียงประสานรองรับ) มากขึ้น ซึ่งช่วยให้เกิดแนวทำนองที่ชัดเจน เบสคอนตินิวโอ (Basso Continuo): เป็นลักษณะเด่นที่สำคัญที่สุด คือการมี แนวเบสที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยเครื่องดนตรี 2 ชนิด ได้แก่ เครื่องดนตรีที่เล่นทำนองเบส (เช่น เชลโล, บาสซูน) และเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดที่เล่นคอร์ด (เช่น ฮาร์ปซิคอร์ด หรือ ออร์แกน) ความตัดกัน (Contrasting): มีการใช้ความแตกต่างอย่างชัดเจนในด้านต่างๆ เพื่อสร้างความน่าตื่นเต้น เช่น ความดัง-เบา (Dynamics): สลับระหว่างดัง (Forte) และเบา (Piano) ทันที (Terraced Dynamics) ไม่มีการไล่ระดับเสียงแบบค่อยเป็นค่อยไป การบรรเลง: สลับระหว่างกลุ่มบรรเลงเดี่ยว (Solo) และกลุ่มบรรเลงรวม (Tutti) ระบบเสียงหลัก (Tonality): มีการเปลี่ยนมาใช้ บันไดเสียงเมเจอร์ (Major) และไมเนอร์ (Minor) แทนระบบโหมด (Modes) อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดโครงสร้างทางคอร์ดที่ชัดเจนและมีกฎเกณฑ์ เอกภาพของอารมณ์ (Unity of Mood): โดยทั่วไป บทเพลงหนึ่งๆ มักจะ รักษาอารมณ์ความรู้สึกเดียว ไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ 2. รูปแบบเพลงและแนวเพลงที่สำคัญ ยุคบาโรกเป็นยุคที่กำเนิดและพัฒนาแนวเพลงใหม่ๆ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน: อุปรากร (Opera): การแสดงดนตรีพร้อมฉากที่ผสมผสานการร้อง การแสดง การเต้น และเครื่องดนตรี ออราทอริโอ (Oratorio) และ คันตาตา (Cantata): งานร้องขนาดใหญ่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนา มักคล้ายโอเปร่าแต่ไม่มีฉากและเครื่องแต่งกาย คอนแชร์โต กรอซโซ (Concerto Grosso): บทเพลงที่ใช้กลุ่มเครื่องดนตรีเดี่ยวกลุ่มเล็กๆ (Concertino) แลกเปลี่ยนบทบาทกับวงออร์เคสตราขนาดใหญ่ (Tutti/Ripieno) ฟิวก์ (Fugue): รูปแบบโพลีโฟนีที่ซับซ้อน ซึ่งทำนองหลัก (Subject) จะถูกนำเสนอและล้อเลียนในแนวทำนองอื่นๆ อย่างเป็นระบบ โซนาตา (Sonata): บทเพลงสำหรับเครื่องดนตรีเดี่ยวหรือกลุ่มเล็กๆ 3. คีตกวีเอกที่โดดเด่น Johann Sebastian Bach (โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค) (1685–1750): นักประพันธ์ชาวเยอรมัน ผู้เป็น "เจ้าพ่อแห่งยุคบาโรก" โดดเด่นด้านโพลีโฟนีและเพลงสำหรับคีย์บอร์ด (เช่น Well-Tempered Clavier และ Brandenburg Concertos) George Frideric Handel (จอร์จ เฟรดริก ฮันเดล) (1685–1759): นักประพันธ์ชาวเยอรมันที่ไปทำงานในอังกฤษ โดดเด่นด้านโอเปร่าและออราทอริโอ (เช่น Messiah ที่มีท่อน Hallelujah Chorus) Antonio Vivaldi (อันโตนิโอ วีวัลดี) (1678–1741): นักประพันธ์และนักไวโอลินชาวอิตาลีผู้โด่งดังด้านคอนแชร์โต (เช่น The Four Seasons) ยุคบาโรกสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1750 ซึ่งเป็นปีที่ บาคถึงแก่กรรม ถือเป็นการปิดฉากยุคอย่างเป็นทางการ

  • ทบทวน
  • ตัวอย่างเพลงยุคบาโรก
    07:42

ยุคกลาง(Medieval Period: ค.ศ. 450–1400)
สรุปรายละเอียดดนตรีในยุคกลาง (Medieval Period: ค.ศ. 450–1400)ดนตรีในยุคกลางมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่าง ดนตรีศาสนา (Sacred Music) ซึ่งมีความสำคัญมาก และ ดนตรีคฤหัสถ์ (Secular Music) ที่เป็นดนตรีชาวบ้านหรือนอกศาสนา 1. ลักษณะเด่นของดนตรีช่วงแรก: โมโนโฟนี (Monophony)เป็นเพลงที่มี ทำนองเดียว (Single melodic line) ไม่มีเสียงประสานหรือแนวทำนองอื่นสอดแทรกตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือ เพลงสวดเกรโกเรียน (Gregorian Chant) ซึ่งเป็นเพลงสวดทางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มักร้องในพิธีมิสซา ใช้ภาษาละติน และไม่มีอัตราจังหวะที่แน่นอน (Free Rhythm)ใช้ระบบ โหมด (Modes) เป็นพื้นฐานของทำนองช่วงต่อมา: โพลีโฟนี (Polyphony)เริ่มมีการพัฒนาประมาณศตวรรษที่ 9 โดยการเพิ่มแนวทำนองที่สองหรือมากกว่าเข้ามา ทำให้มี หลายแนวทำนองสอดประสานกัน (Multiple independent melodic lines)รูปแบบเพลงที่สำคัญคือ ออร์แกนนัม (Organum) ซึ่งเป็นการเพิ่มแนวเสียงคู่ขนานหรือแนวเสียงที่อิสระจากทำนองหลักในช่วงปลายยุคกลาง (Ars Nova หรือสมัยศิลป์ใหม่ ในศตวรรษที่ 14) มีการพัฒนารูปแบบจังหวะที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การใช้อัตราจังหวะคู่ (Duple Time) และอิสระในการประสานแนวทำนองมากขึ้นสื่อการแสดง (Performing Medium)ส่วนใหญ่เป็น ดนตรีขับร้อง (Vocal music)เครื่องดนตรีมักใช้เพื่อประกอบการขับร้อง หรือบรรเลงเพลงเต้นรำเล็กน้อย 2. ประเภทของดนตรีที่สำคัญประเภทลักษณะดนตรีศาสนา (Sacred)เพลงสวดเกรโกเรียน (Gregorian Chant), แมส (Mass), โมเต็ต (Motet)ดนตรีคฤหัสถ์ (Secular)เพลงของนักดนตรีเร่ร่อน (Troubadours/Trouvères) ในฝรั่งเศส และ Minnesingers ในเยอรมนีเนื้อเพลงมักเกี่ยวกับความรัก, อัศวิน, วีรกรรม, หรือเพลงเต้นรำ 3. เครื่องดนตรีที่นิยมเครื่องสาย: ลิวต์ (Lute), ซอวิแอล (Vielle - คล้ายไวโอลินยุคแรก), ฮาร์ป (Harp), ซอรีเบ็ค (Rebec)เครื่องเป่า: ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ (Recorder), ปี่ชอม (Shawm - คล้ายโอโบ)เครื่องกระทบ: เนเคอร์ส (Nakers - กลองเล็ก), กลองกรอบ (Frame Drum), แตรทรัมเป็ตและฮอร์น 4. นักประพันธ์เพลงที่น่าสนใจHildegard of Bingen (ฮิลเดการ์ดแห่งบิงเงิน): นักประพันธ์หญิงที่มีชื่อเสียงด้านเพลงสวดLéonin (เลโอนิน) และ Pérotin (เพโรแตง): ผู้นำกลุ่มนอเตอร์เดม (Notre Dame School) ผู้พัฒนาออร์แกนนัมในสมัยศิลป์เก่า (Ars Antiqua)Guillaume de Machaut (กีโยม เดอ มาโซท์): พระและนักประพันธ์คนสำคัญในสมัยศิลป์ใหม่ (Ars Nova)ดนตรีในยุคกลางจึงเป็นยุคของการเปลี่ยนผ่านจากเสียงร้องทำนองเดียวที่เน้นศาสนา ไปสู่การสอดประสานทำนองที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) ที่จะตามมา

ยุคเรเนซองส์(Renaissance Period: ค.ศ. 1450–1600)
สรุปรายละเอียดดนตรีในยุคเรเนซองส์ (Renaissance Period: ค.ศ. 1450–1600)คำว่า "เรเนซองส์" (Renaissance) แปลว่า "การเกิดใหม่" (Rebirth) ซึ่งหมายถึงการรื้อฟื้นความสนใจในอารยธรรมกรีกและโรมันโบราณ ดนตรีในยุคนี้จึงมีความสมดุล สงบ และมีมนุษยธรรมมากขึ้น 1. ลักษณะเด่นทางดนตรียุคทองของโพลีโฟนี (The Golden Age of Polyphony):ดนตรีส่วนใหญ่มี พื้นผิวแบบโพลีโฟนี (Polyphony) ที่มีความซับซ้อนแต่ฟังดูสมดุลและนุ่มนวลกว่าในยุคกลางนิยมใช้แนวทำนองตั้งแต่ 4-6 แนว ขึ้นไป ซึ่งทุกแนวมีความสำคัญเท่าเทียมกันมีการใช้เทคนิค การล้อเลียนทำนอง (Imitative Counterpoint) คือแนวทำนองหนึ่งจะตามด้วยแนวทำนองอื่นที่ร้องทำนองเดียวกันในระดับเสียงที่ต่างกันการประสานเสียง (Harmony):เริ่มมีการใช้ คู่สาม (Thirds) ในการประสานเสียงอย่างแพร่หลาย ทำให้เสียงโดยรวมมีความไพเราะและกลมกลืนมากขึ้น เมื่อเทียบกับคู่สี่และคู่ห้าที่เด่นในยุคกลางโครงสร้างดนตรีมีความชัดเจนและมีการเตรียมเสียงที่ไม่กลมกลืน (Dissonance) อย่างระมัดระวังความสัมพันธ์ระหว่างเสียงร้องและดนตรีบรรเลง:ความเท่าเทียมกันของเสียงร้องและเครื่องดนตรี: เป็นยุคสุดท้ายที่เพลงขับร้อง (Vocal) และเพลงบรรเลง (Instrumental) มีรูปแบบ (Texture) ที่คล้ายคลึงกันมากดนตรีบรรเลงเป็นอิสระมากขึ้น: เพลงสำหรับเครื่องดนตรีเริ่มมีบทบาทและรูปแบบเฉพาะตัวมากขึ้น ไม่ใช่แค่การเล่นซ้ำแนวทำนองของเสียงร้องการแสดงออก:มีการใช้เทคนิค Word Painting (หรือ Text Painting) คือการที่ดนตรีพยายามถ่ายทอดความหมายของคำร้องอย่างชัดเจน เช่น ถ้าเนื้อเพลงกล่าวถึง "การขึ้นไปบนฟ้า" ทำนองก็จะเคลื่อนที่ขึ้นสูง 2. ประเภทของดนตรีที่สำคัญประเภทลักษณะดนตรีศาสนา (Sacred Music)มิสซา (Mass): เป็นบทเพลงขับร้องที่สำคัญที่สุด โมเต็ต (Motet): เพลงขับร้องหลายแนวทำนองที่มีเนื้อหาทางศาสนาดนตรีคฤหัสถ์ (Secular Music)แมดริกัล (Madrigal): เพลงขับร้องหลายแนวทำนอง (ส่วนใหญ่มัก 4–6 แนว) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและชีวิตประจำวัน ชองซง (Chanson): เพลงร้องหลายแนวทำนองของฝรั่งเศสดนตรีบรรเลง (Instrumental Music)เพลงเต้นรำ (Dance Music): เช่น Pavane, Galliard เพลงแฟนตาเซีย (Fantasia): สำหรับเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดหรือลูท 3. คีตกวีเอกที่โดดเด่นJosquin des Prez (โจสคิน เดส์ เปรซ์): นักประพันธ์ชาวแฟลมิช (Flemish) ผู้มีอิทธิพลอย่างสูงในยุคเรเนซองส์ตอนต้น เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้โพลีโฟนีและการล้อเลียนทำนองGiovanni Pierluigi da Palestrina (โจวันนี ปิแอร์ลุยจี ดา ปาเลสตรินา): คีตกวีชาวอิตาลีที่มีอิทธิพลต่อดนตรีศาสนาคาทอลิก งานของท่านมีความบริสุทธิ์และสงบ ถูกยกย่องให้เป็นแบบอย่างของดนตรีโพลีโฟนีClaudio Monteverdi (คลาวดิโอ มอนเทแวร์ดี): แม้จะถือเป็นบุคคลที่เริ่มเข้าสู่ยุคบาโรก แต่ผลงานช่วงแรกก็อยู่ในเรเนซองส์ ท่านเป็นผู้บุกเบิกการประพันธ์โอเปร่าและแมดริกัลยุคเรเนซองส์ถือเป็นยุคที่ดนตรีมีการจัดระเบียบและมีความประณีตบรรจงอย่างมาก ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ความอลังการและซับซ้อนในยุคบาโรก

ยุคคลาสสิก(Classical Period: ค.ศ. 1750–1820)
สรุปรายละเอียดดนตรีในยุคคลาสสิก (Classical Period: ค.ศ. 1750–1820)ยุคคลาสสิกมักถูกเรียกว่า "ยุคแห่งเหตุผล" (Age of Reason) หรือ "ยุคแห่งความเรืองปัญญา" (Enlightenment) ดนตรีในยุคนี้จึงเน้นความชัดเจน ความสมมาตร และความเป็นสากล 1. ลักษณะเด่นทางดนตรีลักษณะคำอธิบายพื้นผิวแบบโฮโมโฟนี (Homophony)เน้นทำนองหลักเพียงแนวเดียว ที่ชัดเจนและฟังง่าย โดยมีแนวเสียงอื่นทำหน้าที่เป็นเสียงประสานรองรับ (Contrasted with Polyphony in Baroque). Basso Continuo ถูกยกเลิกไปความสมดุลและโครงสร้าง (Balance and Structure)ความสำคัญอยู่ที่ รูปแบบ (Form) ที่ชัดเจน เช่น Sonata Form (ใช้ในท่อนแรกของซิมโฟนีและโซนาตา), Rondo, และ Theme and Variationsความหลากหลายของอารมณ์บทเพลงมี ความหลากหลายทางอารมณ์ ภายในท่อนเดียวหรือบทเพลงเดียว โดยมีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ความเร็ว และจังหวะบ่อยครั้ง (Contrasted with Unity of Mood in Baroque).การใช้ความดัง-เบา (Dynamics)มีการใช้การเปลี่ยนแปลงความดัง-เบาแบบ ค่อยเป็นค่อยไป (Crescendo และ Diminuendo) เป็นองค์ประกอบสำคัญ (Contrasted with Terraced Dynamics in Baroque).เปียโนเป็นศูนย์กลางเปียโน (Fortepiano) ได้เข้ามาแทนที่ฮาร์ปซิคอร์ดและคลาริคอร์ด และกลายเป็นเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดหลัก เนื่องจากสามารถเล่นได้ทั้งดังและเบา (Piano หมายถึง เบา, Forte หมายถึง ดัง)ดนตรีบริสุทธิ์ (Absolute Music)ดนตรีส่วนใหญ่เป็นดนตรีที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อความงามทางดนตรีเอง ไม่ได้อ้างอิงถึงเรื่องราวหรือบทกวีใดๆ อย่างชัดเจน (ต่างจากดนตรีโปรแกรมในยุคโรแมนติก) 2. รูปแบบเพลงและแนวเพลงที่สำคัญยุคคลาสสิกเป็นยุคที่วางรากฐานให้กับรูปแบบดนตรีบรรเลงที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน:แนวเพลงลักษณะโดยย่อโครงสร้างท่อนมาตรฐานซิมโฟนี (Symphony)บทเพลงขนาดใหญ่สำหรับวงออร์เคสตรา4 ท่อน (เร็ว - ช้า - Minuet/Scherzo - เร็ว)สตริงควอเตท (String Quartet)บทเพลงสำหรับเครื่องสาย 4 ชิ้น (ไวโอลิน 2, วิโอลา 1, เชลโล 1)4 ท่อน (เช่นเดียวกับซิมโฟนี)โซนาตา (Sonata)บทเพลงสำหรับเครื่องดนตรีเดี่ยว (มักเป็นเปียโน) หรือ เครื่องดนตรีเดี่ยวที่มีเปียโนคลอ3 หรือ 4 ท่อน (ท่อนหลักมักเป็น Sonata Form)คอนแชร์โต (Concerto)บทเพลงสำหรับเครื่องดนตรีเดี่ยวประชันกับวงออร์เคสตรา3 ท่อน (เร็ว - ช้า - เร็ว) และมีช่วง Cadenza ให้ผู้เล่นเดี่ยวแสดงความสามารถ 3. คีตกวีเอกที่โดดเด่น (The Viennese School)คีตกวีหลักของยุคคลาสสิกมักถูกเรียกว่า "โรงเรียนเวียนนา" (Viennese School) เนื่องจากส่วนใหญ่อาศัยและสร้างผลงานที่โดดเด่นในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย:Franz Joseph Haydn (ฟรานซ์ โจเซฟ ไฮเดิน) (1732–1809):ได้รับฉายาว่า "บิดาแห่งซิมโฟนี" และ "บิดาแห่งสตริงควอเตท"เป็นผู้กำหนดมาตรฐานของโครงสร้างดนตรีคลาสสิกผลงานสำคัญ: ซิมโฟนีหมายเลข 94 (Surprise), The Creation (Oratorio)Wolfgang Amadeus Mozart (โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ท) (1756–1791):อัจฉริยะทางดนตรีผู้สร้างสรรค์ผลงานหลากหลายแนวอย่างสมบูรณ์แบบผลงานสำคัญ: ซิมโฟนีหมายเลข 41 (Jupiter), โอเปร่า (The Marriage of Figaro, The Magic Flute), เปียโนคอนแชร์โตLudwig van Beethoven (ลูทวิช ฟัน เบทโฮเฟน) (1770–1827):เป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างยุคคลาสสิกและยุคโรแมนติก ผลงานช่วงแรกเป็นคลาสสิกที่สมบูรณ์แบบ แต่ผลงานในช่วงหลังได้เปิดประตูสู่ยุคโรแมนติกด้วยอารมณ์ที่รุนแรงผลงานสำคัญ: ซิมโฟนีหมายเลข 5, หมายเลข 9, เปียโนโซนาตา (Moonlight)โดยรวมแล้ว ดนตรีในยุคคลาสสิกคือจุดสูงสุดของ ความสมบูรณ์แบบทางรูปแบบ และ ความสง่างามทางทำนอง ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากความโอ่อ่าของบาโรก

ยุคโรแมนติก(Romantic Period: ค.ศ. 1820–1900)
สรุปรายละเอียดดนตรีในยุคโรแมนติก (Romantic Period: ค.ศ. 1820–1900)ดนตรียุคโรแมนติกเป็นยุคที่เปิดกว้างทางความคิด คีตกวีไม่ได้อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของโบสถ์หรือขุนนางอีกต่อไป แต่สามารถแสดงออกถึงตัวตนและความคิดได้อย่างอิสระ ทำให้เกิดสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละบุคคล 1. ลักษณะเด่นทางดนตรีลักษณะคำอธิบายการแสดงอารมณ์ที่เข้มข้นเป็นจุดศูนย์กลางของยุค ดนตรีเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดอารมณ์ทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความโกรธ ความเศร้า หรือความฝันทำนองที่เน้นการขับร้อง (Lyrical Melody)ทำนองเพลงมีความไพเราะ หวานซึ้ง และมักมีลักษณะคล้ายเพลงร้อง (Singing quality) มีความยาวและยืดหยุ่นกว่ายุคคลาสสิกความยืดหยุ่นด้านรูปแบบ (Flexibility of Form)แม้จะยังคงใช้รูปแบบคลาสสิก (เช่น ซิมโฟนี โซนาตา) แต่ก็มีการขยายขนาดและปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ยืดหยุ่นและมีอิสระมากขึ้น เพื่อรองรับการแสดงออกทางอารมณ์โปรแกรมมิวสิก (Program Music)เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง คือดนตรีบรรยายเรื่องราว (Narrative) โดยใช้ดนตรีเพื่อเล่าเรื่องราวจากวรรณกรรม บทกวี ตำนาน หรือภาพวาด Symphonic Poem เป็นรูปแบบที่สำคัญที่เกิดขึ้นในยุคนี้การประสานเสียงที่ซับซ้อนมีการใช้คอร์ดที่เสียงไม่กลมกลืน (Dissonant Chords) บันไดเสียงโครมาติก (Chromaticism) และโน้ตนอกคอร์ดมากขึ้น เพื่อสร้างความตึงเครียดและสีสันทางอารมณ์ที่หลากหลายวงออร์เคสตราขนาดใหญ่วงดุริยางค์มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก มีการเพิ่มเครื่องดนตรีใหม่ๆ เช่น พิคโคโล, คลาริเน็ตเบส, ทูบา และเครื่องเคาะหลายชนิด เพื่อสร้าง เสียงที่อลังการและเข้มข้นลัทธิชาตินิยม (Nationalism)คีตกวีเริ่มใช้ทำนองพื้นบ้าน จังหวะ และเรื่องราวของชนชาติมาประพันธ์เพลง เพื่อแสดงความรักชาติและความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม 2. แนวเพลงและรูปแบบที่สำคัญแนวเพลงที่ใช้รูปแบบคลาสสิกยังคงอยู่ แต่มีการเพิ่มแนวเพลงขนาดเล็กที่เน้นความเป็นปัจเจกและแนวเพลงบรรยายเรื่องราวขนาดใหญ่แนวเพลงลักษณะโดยย่อตัวอย่างรูปแบบเพลงเปียโนขนาดเล็กบทเพลงสั้นๆ ที่เน้นอารมณ์และบรรยากาศเฉพาะตัวNocturne, Impromptu, Etude, Waltzเพลงร้อง (Lied / Art Song)บทเพลงสำหรับเสียงร้องเดี่ยวพร้อมเปียโนคลอ เนื้อร้องมาจากบทกวีโรแมนติกErlkönig (Schubert)ดนตรีโปรแกรม (Program Music)ดนตรีบรรยายเรื่องราวภายนอกSymphonic Poem (Tone Poem), Program Symphonyโอเปร่า (Opera)ยังคงเป็นที่นิยม มีเนื้อหาที่ยิ่งใหญ่ เน้นอารมณ์ดราม่าที่รุนแรง และชาตินิยมAida (Verdi), Der Ring des Nibelungen (Wagner) 3. คีตกวีเอกที่โดดเด่นLudwig van Beethoven (ลูทวิช ฟัน เบทโฮเฟน) (1770–1827):ถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นสะพานเชื่อมสู่ยุคโรแมนติก ผลงานช่วงกลางถึงปลายของเขาแสดงถึงการแสดงออกทางอารมณ์อย่างลึกซึ้ง (เช่น Symphony No. 3 (Eroica))Franz Schubert (ฟรานซ์ ชูเบิร์ท) (1797–1828):"บิดาแห่งเพลง Lied" (Art Song) มีความสามารถในการประพันธ์ทำนองที่ไพเราะFrédéric Chopin (เฟรเดริก ชอแป็ง) (1810–1849):"กวีแห่งเปียโน" ผลงานเกือบทั้งหมดแต่งสำหรับเปียโน แสดงออกถึงความละเอียดอ่อนและบทกวีFranz Liszt (ฟรานซ์ ลิสท์) (1811–1886):นักเปียโน virtuoso ผู้โด่งดัง และเป็นผู้ริเริ่มรูปแบบ Symphonic PoemRichard Wagner (ริชชาร์ท วากเนอร์) (1813–1883):คีตกวีโอเปร่าผู้ปฏิวัติวงการ สร้างแนวคิด Gesamtkunstwerk (งานศิลปะรวม) ที่รวมดนตรี บทละคร และการแสดงเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์Pyotr Ilyich Tchaikovsky (ปีเตอร์ ไชคอฟสกี) (1840–1893):คีตกวีชาวรัสเซียผู้ผสมผสานอิทธิพลตะวันตกกับกลิ่นอายแบบรัสเซียได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในบัลเลต์และซิมโฟนี

ยุคศตวรรษที่ 21(Contemporary Music: ค.ศ. 2000–ปัจจุบัน)
สรุปรายละเอียดดนตรีในยุคศตวรรษที่ 21 (Contemporary Music: ค.ศ. 2000–ปัจจุบัน)ดนตรีในช่วงศตวรรษที่ 21 คือจุดสูงสุดของแนวคิด "เสรีภาพและความหลากหลาย" (Pluralism) คีตกวีไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ และเลือกที่จะทดลองกับทุกองค์ประกอบทางดนตรี รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการสร้างสรรค์ 1. ลักษณะเด่นทางดนตรีหลักลักษณะคำอธิบายความหลากหลาย/การผสมผสาน (Pluralism)ไม่มีรูปแบบหรือแนวคิดหลักที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียว คีตกวีสามารถเลือกใช้เทคนิคจากทุกยุคสมัย (บาโรก คลาสสิก โรแมนติก) ผสมผสานกับแนวคิดใหม่ๆ ได้อย่างอิสระเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์การใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์, คอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์สังเคราะห์เสียง (Synthesizers) และการบันทึกเสียงเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการประพันธ์และการแสดง ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นแนวเพลงที่สำคัญความไม่เป็นระเบียบของระบบเสียง (Atonality & Dissonance)ยังคงมีการใช้หลักการที่ไม่ยึดติดกับเสียงหลัก (Atonality) และการใช้เสียงประสานที่ฟังระคายหู (Dissonance) อย่างต่อเนื่องจากยุคศตวรรษที่ 20 เพื่อสร้างสีสันและอารมณ์ที่ซับซ้อนจังหวะที่ซับซ้อนและอิสระ (Rhythm)จังหวะมีความซับซ้อนมากขึ้น มีการเปลี่ยนจังหวะบ่อยครั้ง และบางครั้งก็เป็นดนตรีที่ไม่มีจังหวะแน่นอน (Non-metric)การทดลองเสียงใหม่ๆ (Timbre & Texture)คีตกวีแสวงหา "เสียง" ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน จากเครื่องดนตรีอะคูสติก (เช่น การเล่นไวโอลินแบบแปลกๆ) การบันทึกเสียงจากธรรมชาติ (Musique concrète) หรือเสียงจากเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ดนตรีมินิมัลลิสม์ (Minimalism)เป็นแนวคิดที่ยังคงมีอิทธิพล โดยเน้นที่การทำซ้ำ (Repetition) ของกลุ่มทำนองหรือจังหวะสั้นๆ อย่างช้าๆ และมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยตลอดทั้งเพลงการสื่อสารกับสังคมโลกอิทธิพลของดนตรีพื้นบ้านทั่วโลก (World Music) และแนวดนตรีสมัยนิยมอื่นๆ (Pop, Jazz, Rock) ได้แทรกซึมเข้ามาในการประพันธ์ดนตรีคลาสสิกมากขึ้น 2. แนวคิดและรูปแบบที่โดดเด่นในช่วงรอยต่อและศตวรรษที่ 21เนื่องจากศตวรรษที่ 21 เป็นการต่อยอดจากศตวรรษที่ 20 จึงควรกล่าวถึงแนวคิดที่ยังคงสำคัญ:นีโอ-คลาสสิก (Neo-Classicism): การกลับไปใช้รูปแบบและสไตล์ที่ชัดเจนของยุคคลาสสิก/บาโรก แต่ใช้ภาษาดนตรีสมัยใหม่ (เช่น Stravinsky)มินิมัลลิสม์ (Minimalism): (Philip Glass, Steve Reich) เน้นความสงบนิ่งและการทำซ้ำเพื่อสร้างสภาวะภวังค์โพสต์-มินิมัลลิสม์ (Post-Minimalism): การต่อยอดจากมินิมัลลิสม์โดยใส่ความซับซ้อนทางอารมณ์และทำนองที่กว้างขึ้นสเปกทรัล มิวสิก (Spectral Music): ดนตรีที่สร้างขึ้นจากการวิเคราะห์คุณสมบัติทางเสียง (Timbre) และการใช้เสียงประสานที่มาจากคลื่นความถี่ของเสียงนั้นๆ โดยตรงดนตรีสำหรับภาพยนตร์/เกม (Film/Game Scores): ดนตรีออร์เคสตราสมัยใหม่จำนวนมากถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อประกอบสื่อเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นงานดนตรีที่มีอิทธิพลต่อสาธารณะอย่างสูง 3. คีตกวีร่วมสมัยที่น่าสนใจ (บางส่วน)คีตกวีในยุคปัจจุบันมีความหลากหลายมาก โดยมีบางท่านที่มีผลงานโดดเด่นต่อเนื่องมาจนถึงศตวรรษที่ 21:คีตกวีแนวทางเด่นผลงานสำคัญ (ตัวอย่าง)Philip Glass (ฟิลิป กลาส)Minimalism / OperaEinstein on the Beach, ดนตรีประกอบภาพยนตร์Arvo Pärt (อาร์โว แพร์ท)Holy Minimalism (เน้นความเรียบง่ายและจิตวิญญาณ)Spiegel im Spiegel, FratresJohn Adams (จอห์น แอดัมส์)Post-Minimalism / OperaNixon in China, HarmonielehreKaija Saariaho (ไคย่า ซาเรียโฮ)Spectral Music / Electronic Musicโอเปร่า L'Amour de loinThomas Adès (โธมัส อะเดส)Eclecticism (ผสมผสานเทคนิคหลากหลาย)โอเปร่า The Tempestกล่าวโดยสรุป ดนตรียุคศตวรรษที่ 21 คือยุคที่ กฎเกณฑ์ถูกทำลาย เพื่อเปิดทางให้ ความคิดสร้างสรรค์ และ เทคโนโลยี เข้ามาเป็นผู้กำหนดทิศทาง ซึ่งทำให้ดนตรีมีรูปแบบไม่สิ้นสุดและเป็นส่วนหนึ่งของทุกแง่มุมในชีวิตประจำวัน

การจัดอันดับและรีวิวของผู้เรียน

5.0
ทั้งหมด 89 คะแนน
5
88 การจัดอันดับ
4
1 การจัดอันดับ
3
0 การจัดอันดับ
2
0 การจัดอันดับ
1
0 การจัดอันดับ
รว
1 สัปดาห์ มาแล้ว
ดนตรีดีมากครับ
นป
2 สัปดาห์ มาแล้ว
สอนง่ายเเละเข้าใจมากที่สุดเเละครูใจดี
KD
2 สัปดาห์ มาแล้ว
ดีมากๆ
นก
3 สัปดาห์ มาแล้ว
เข้าใจง่ายเรียนสนุก
เก
3 สัปดาห์ มาแล้ว
ครูสอนรู้เรื่องและเข้าใจ
พจ
3 สัปดาห์ มาแล้ว
เรียนโอเคเลยครับเข้าใจง่ายทำงานง่าย
นอ
3 สัปดาห์ มาแล้ว
ครูสอนดีมากครับเริ่มเข้าใจในดนตรีวงและต่างๆที่ได้เรียนรู้จากครูมากขึ้นครับ
KK
3 สัปดาห์ มาแล้ว
เข้าใจได้ง่ายและดีมากครับ
นน
3 สัปดาห์ มาแล้ว
เป็นบทเรียนที่สนุกมากครับได้ความรู้ทั้งความสุขครับผม
พอ
3 สัปดาห์ มาแล้ว
เรียนง่ายมากๆเลยค่ะเข้าใจง่าย
ธเ
3 สัปดาห์ มาแล้ว
เข้าใจง่ายมากค่ะ
สน
4 สัปดาห์ มาแล้ว
เรียนง่าย สนุกมาก
สบ
4 สัปดาห์ มาแล้ว
สุนิสา บุญทาทอง เรียนง่ายมากเข้าใจได้ดีค่ะ
ณส
4 สัปดาห์ มาแล้ว
ง่ายมาค่ะเข้าใจดี
สอ
4 สัปดาห์ มาแล้ว
สนุกครับ
เก
4 สัปดาห์ มาแล้ว
สนุกมากครับ
วอ
4 สัปดาห์ มาแล้ว
สนุกมากครับ
ทเ
4 สัปดาห์ มาแล้ว
ดี
ธท
4 สัปดาห์ มาแล้ว
เรียนง่าย เข้าใจง่าย เรียนชิวๆ ผมให้เลย5ดาว
วพ
4 สัปดาห์ มาแล้ว
คะแนนอร่อยมากครับ:)